简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
รู้หรือไม่? ความเสี่ยงในการลงทุนมีกี่ประเภท
บทคัดย่อ:ประเภทของความเสี่ยงในการลงทุน 1. ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk) 2. ความเสี่ยงจากธุรกิจ (Business Risk) 3. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) 4. ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง (Liquidity Risk)

“การลงทุนมีความเสี่ยง” ประโยคนี้นักเทรดคงได้ยินกันจนชิน แต่รู้หรือไม่ว่าความเสี่ยงในการลงทุนมีหลายประเภท และแต่ละประเภทส่งผลกระทบต่อพอร์ตของเราแตกต่างกันอย่างไร? การเข้าใจความเสี่ยงไม่ได้มีไว้เพื่อให้เรากลัว แต่เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้นักเทรด วางแผนการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสในการสร้างกำไรในระยะยาว
วันนี้ แอดเหยี่ยว จะพานักเทรดทุกคนมาทำความรู้จักกับ ประเภทของความเสี่ยงในการลงทุน ที่ต้องรู้ก่อนกดออเดอร์ครั้งต่อไป เพราะการเข้าใจความเสี่ยงไม่ใช่แค่การป้องกันขาดทุน แต่คือ การสร้างความได้เปรียบในสนามเทรดอย่างแท้จริง!
ความเสี่ยงในการลงทุน คืออะไร?
ความเสี่ยงในการลงทุน คือ โอกาสที่ผลลัพธ์ของการเทรดจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ซึ่งอาจทำให้เราได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าที่วางแผนไว้ หรือแย่กว่านั้นคือ ขาดทุนจนพอร์ตติดลบ
สิ่งสำคัญที่นักเทรดต้องรู้คือ “ยิ่งคาดหวังกำไรสูง ความเสี่ยงก็ยิ่งสูงตาม” การเทรดสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง เช่น Forex หรือ Crypto แม้จะมีโอกาสได้กำไรมหาศาล แต่ก็มีโอกาสขาดทุนได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน ต่างจากการลงทุนในหุ้น Blue Chip ที่แม้กำไรจะไม่หวือหวา แต่ความเสี่ยงก็ต่ำกว่า
ทำไมนักเทรดต้องเข้าใจความเสี่ยงก่อนลงทุน?
- ช่วยให้วางแผนการเทรดได้แม่นยำยิ่งขึ้น การรู้จักความเสี่ยงทำให้นักเทรดสามารถเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมและตัดสินใจได้อย่างมีเหตุผล ไม่ใช่แค่การเทรดตามอารมณ์
- ป้องกันการขาดทุนครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวน การเข้าใจความเสี่ยงจะช่วยให้นักเทรดรู้จักหยุดขาดทุน (Stop Loss) และรักษาทุนให้พร้อมสำหรับโอกาสครั้งถัดไป
- เพิ่มโอกาสในการทำกำไรอย่างยั่งยืน เพราะเมื่อรู้จักความเสี่ยง นักเทรดสามารถจัดการพอร์ตและวางกลยุทธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ประเภทของความเสี่ยงในการลงทุน
แม้การเทรดจะดูเหมือนเป็นเรื่องของตัวเลขและกราฟ แต่ความจริงแล้ว เบื้องหลังตัวเลขเหล่านั้นเต็มไปด้วยความเสี่ยงหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละประเภทมีผลกระทบต่อพอร์ตไม่เหมือนกัน ถ้านักเทรดรู้จักและเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้ จะสามารถ พลิกเกมจากการป้องกันขาดทุน เป็นการสร้างกำไรได้อย่างมืออาชีพ! มาดูกันว่ามีความเสี่ยงประเภทไหนบ้างที่ต้องระวัง:
1. ความเสี่ยงจากตลาด (Market Risk)
ความเสี่ยงนี้เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ สภาวะตลาดโดยรวม ซึ่งสามารถทำให้ราคาสินทรัพย์ทุกประเภทปรับตัวขึ้นหรือลงได้อย่างรุนแรง โดยเฉพาะในเหตุการณ์ต่อไปนี้:
- วิกฤตเศรษฐกิจโลก เช่น การล่มสลายของสถาบันการเงินใหญ่ หรือการชะลอตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคสำคัญ
- การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เช่น การเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ที่นโยบายเศรษฐกิจไม่เป็นมิตรต่อนักลงทุน
- เหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การระบาดของโรคร้าย หรือสงคราม ซึ่งทำให้ตลาดทั่วโลกผันผวนอย่างรุนแรง
2. ความเสี่ยงจากธุรกิจ (Business Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับ บริษัทหรืออุตสาหกรรมนั้น ๆ โดยเฉพาะ ซึ่งอาจเกิดจาก:
- การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค ทำให้ยอดขายลดลงและกระทบต่อผลประกอบการของบริษัท
- การแข่งขันในอุตสาหกรรม เช่น คู่แข่งใหม่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งตลาด หรือเทคโนโลยีใหม่ที่ล้ำนำหน้า
- การบริหารงานที่ผิดพลาด หรือข่าวลบเกี่ยวกับบริษัท ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาหุ้น
3. ความเสี่ยงจากอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk)
ความเสี่ยงนี้เกี่ยวข้องกับ การเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อ:
- ตราสารหนี้ เช่น พันธบัตร เมื่ออัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ราคาพันธบัตรจะปรับตัวลดลง
- หุ้นกลุ่มการเงิน เช่น ธนาคารและบริษัทประกัน ที่รายได้ขึ้นอยู่กับอัตราดอกเบี้ย
4. ความเสี่ยงจากสภาพคล่อง (Liquidity Risk)
เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากการ ไม่สามารถเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นเงินสดได้ทันที เช่น:
- อสังหาริมทรัพย์ ที่ใช้เวลานานกว่าจะขายได้ หรืออาจต้องลดราคาเพื่อให้มีคนซื้อ
- หุ้นขนาดเล็ก ที่มีการซื้อขายน้อย ทำให้เวลาขายอาจต้องลดราคาเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
สรุป การเข้าใจความเสี่ยงคือ “อาวุธลับ” ของนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ
การเทรดไม่ใช่แค่เรื่องของการวิเคราะห์กราฟหรือทำนายราคาให้ถูกทางเท่านั้น แต่คือ การเข้าใจและบริหารความเสี่ยงอย่างชาญฉลาด เพราะไม่มีการเทรดใดที่ปราศจากความเสี่ยง แต่ถ้าเรารู้จักความเสี่ยงและเตรียมพร้อมรับมือได้ดี โอกาสที่จะทำกำไรก็ย่อมสูงขึ้น! แอดเหยี่ยว ขอเป็นกำลังใจให้นักเทรดทุกคน วางแผนการเทรดอย่างรอบคอบ เข้าใจความเสี่ยง และทำกำไรได้อย่างยั่งยืน
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย :https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!

ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
อ่านเพิ่มเติม

คณะกรรมการตัดสินรางวัล Voices of the Golden Insight Award | จอร์จ จอร์จิอู
คณะกรรมการตัดสินรางวัล Voices of the Golden Insight Award | จอร์จ จอร์จิอู ผู้ก่อตั้งร่วมและกรรมการผู้จัดการของ Dynamic Works

จับเวลาไม่แม่น = พังแน่! เคล็ดลับเทรดฟอเร็กซ์ ตามเวลาให้รอด
แม้ตลาด Forex จะเปิดทำการ 24 ชั่วโมงต่อวัน แต่ช่วงเวลาแต่ละเซสชันมีผลต่อความผันผวนและสภาพคล่องอย่างมาก การเข้าออเดอร์ในเวลาที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดสลิปเพจหรือพลาดโอกาสทำกำไร บทความนี้อธิบายเวลาทำการหลักของตลาด Forex ได้แก่ Tokyo, London, New York และ Sydney พร้อมแนะนำช่วงเวลาที่มีสภาพคล่องสูง เทคนิคปรับกลยุทธ์ตามเซสชัน และข้อควรระวังสำหรับนักเทรดมือใหม่ การเข้าใจเวลาตลาดเป็นกุญแจสำคัญในการวางแผนเทรดอย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยง และเพิ่มโอกาสสร้างกำไรอย่างยั่งยืน

นักเทรดมือใหม่ระวัง! เทรนด์ตลาดไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้าไม่รู้จักต้องอ่าน
เทรนด์ในตลาด Forex คือทิศทางโดยรวมของราคาสินทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมของผู้เล่นในตลาด การเข้าใจเทรนด์เป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับนักเทรด เพราะช่วยลดความเสี่ยง เลือกจังหวะเข้าตลาดอย่างมีเหตุผล และสร้างกำไรอย่างต่อเนื่อง บทความนี้อธิบายประเภทเทรนด์ ได้แก่ ขาขึ้น ขาลง และด้านข้าง พร้อมแนวทางสังเกตเทรนด์ด้วยเครื่องมือ เช่น เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ แนวรับ–แนวต้าน อินดิเคเตอร์ และการวิเคราะห์หลายกรอบเวลา การเข้าใจเทรนด์จึงเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจอย่างมีวินัยและประสิทธิภาพในตลาด Forex

สัญญาณเตือนจาก Vitalik 2 ภัยคุกคามที่อาจทำให้ Ethereum ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ในงาน Devconnect Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เตือนว่าการถือครอง ETH ของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ เช่น BlackRock อาจสร้างสองภัยคุกคามต่อเครือข่าย ได้แก่ การสูญเสียอุดมการณ์ Ethereum และการรวมศูนย์ระบบมากเกินไป สิ่งนี้อาจทำให้นักพัฒนาหลักถอนตัว และระบบเปิดที่ทุกคนเข้าถึงได้เสื่อมค่า Vitalik จึงเน้นว่าชุมชนต้องยืนหยัดในคุณค่าหลักของ Ethereum เพื่อรักษาความเป็นระบบเปิดและโปรโตคอลที่ทุกคนมีส่วนร่วม การเข้าใจเจตนาของเขาจึงช่วยให้นักลงทุนเห็นภาพใหญ่และประเมินอนาคตของ Ethereum ได้ชัดเจนขึ้น
WikiFX โบรกเกอร์
FXCM
D prime
TMGM
GTCFX
JustMarkets
Ultima
FXCM
D prime
TMGM
GTCFX
JustMarkets
Ultima
WikiFX โบรกเกอร์
FXCM
D prime
TMGM
GTCFX
JustMarkets
Ultima
FXCM
D prime
TMGM
GTCFX
JustMarkets
Ultima
